ซื้อขายของออนไลน์ ช่องทางที่ต้องจับตา

0
4599

บทความโดย กนกกาญจน์ ประจงแสงศรี / อรรณพ ดวงมณี
[email protected] / [email protected]

ดูเหมือนว่าการซื้อของออนไลน์ของคนไทยเติบโตขึ้นในทุกๆ ปี โดยการประมาณการของสำนักงานธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์หรือ ETDA ประเมินไว้ว่า ตัวเลขมูลค่าการค้าผ่านระบบออนไลน์ของประเทศไทยในปี 2014 มีถึง 2,033,493.4 ล้านบาท และคาดว่าในปี 2015 เมื่อสรุปตัวเลขน่าจะพุ่งขึ้นไปถึง 2,107,692.9 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตประมาณ 3.65% เลยทีเดียว ด้วยความน่าสนใจดังกล่าวทำให้ทีมงาน Strategy & Innovation ของ Initiative ต้องหาข้อมูลในเรื่องพฤติกรรมการซื้อของออนไลน์ และเวปไซต์ที่คนไทยนิยมเข้าไปช้อปปิ้งมาให้ผู้อ่านคอลัมน์ได้อ่านกัน

41

จากข้อมูลการตลาดอีคอมเมิร์ซของปี 2014 และปี 2015 พบว่า “ธุรกิจการให้บริการ และที่พัก” มีมูลค่าการตลาดสูงสุดเป็นอันดับ 1 ด้วยงบกว่า 6 แสนล้านบาท สำหรับในส่วนของ “การค้าปลีก และค้าส่ง” หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า “การซื้อของออนไลน์” ที่เราจะมาเจาะลึกกันในคอลัมน์นี้นั้น มีมูลค่าสูงเป็นอันดับ 4 ด้วยงบการตลาดราว 2 แสนล้านบาทในปี 2014 และคาดว่าน่าจะสูงเกิน 3 แสนล้านบาทในปี 2015 ที่ผ่านมา ซึ่งนับว่าเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูง และน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง

42

ทั้งนี้เมื่อเจาะดูรายละเอียดในส่วนของตลาด “การค้าปลีก และค้าส่ง” หรือ “การซื้อของออนไลน์” ซึ่งผู้เชี่ยวชาญทางด้านอีคอมเมิร์ซได้ประเมินไว้ว่าในปี 2016 น่าจะมีมูลค่าเกินกว่า 3 แสนล้านบาทก็พบว่า สินค้าที่ครองยอดขายอันดับ 1 ที่คนไทยนิยมซื้อขายผ่านระบบออนไลน์ก็คือ สินค้าในกลุ่มคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ไอที รองลงมาเป็นสินค้าประเภทเครื่องสำอาง แฟชั่น และอุปกรณ์เสริมความงาม ตามมาเป็นอันดับ 3 คือ เครื่องแต่งกาย ส่วนสินค้าปลีก และค้าส่งทั่วไปมาเป็นอันดับ 4 และอันดับ 5 ได้แก่ กลุ่มเฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่งบ้าน ที่น่าสนใจก็คือ อันดับ 6 กลุ่มห้างสรรพสินค้า และอันดับ 7 กลุ่มอาหาร/เครื่องดื่ม ซึ่งน่าจะเป็นกลุ่มที่จะมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การโฆษณาจากเดิมเพื่อหันเข้าหาลูกค้าออนไลน์ให้มากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับตลาดที่เติบโตมากยิ่งขึ้นในปีนี้

43

ทีมงานได้ค้นหาข้อมูล 10 เวปไซต์ที่คนไทยนิยมเข้าไป “ซื้อของออนไลน์” มากที่สุด จากข้อมูลของ Similarweb ซึ่งเป็นเวปไซต์ระดับโลกที่เก็บข้อมูลการเข้าเวปไซต์ของคนไทยทั่วประเทศในเดือนกุมภาพันธุ์ 2016 พบว่า เวปไซต์ที่คนไทยนิยมเข้าไป “ซื้อของออนไลน์” สูงสุดคือ Lazada.co.th อันดับ 2 คือ Kaidee.com อันดับ 3 คือ Boxza.com อันดับ 4 เป็นเวปไซต์จากจีนคือ Alibaba.com อันดับ 5 คือ Weloveshopping.com อันดับ 6 และอันดับ 7 เป็นเวปไซต์ต่างประเทศคือ Aliexpress.com และ Ebay.com อันดับ 8 คือ Itruemart.com ซึ่งเน้นการขายกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ อันดับ 9 Amazon.com และอันดับ 10 คือ Advice.co.th ซึ่งเป็นกลุ่มที่ขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เช่นกัน

จากข้อมูลที่กล่าวมาข้างต้นน่าจะพอเป็นช่องทางให้กับนักการตลาด และนักโฆษณาที่กำลังหาวิธีที่จะเจาะเข้าหาผู้บริโภคที่นิยมชมชอบการ “ซื้อของออนไลน์” เพื่อหวังที่จะเป็นแบรนด์ที่อยู่ในใจ และหวังให้ผู้บริโภคนึกถึงอันจะได้มาซึ่ง “ยอดขาย” ในตลาดที่กำลังโตวันโตคืนเช่นนี้