พฤติกรรมนักช้อปออนไลน์

0
4762

บทความโดย กนกกาญจน์ ประจงแสงศรี / อรรณพ ดวงมณี
[email protected] / [email protected]

ฉบับที่ผ่านมาทีมงาน Strategy & Innovation ของ Initiative ได้เขียนถึงธุรกิจการค้าออนไลน์หรือ E-Commerce ในประเทศไทยซึ่งได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากความก้าวหน้าของอินเตอร์เนต และระบบโทรศัพท์ไร้สาย ทำให้มีจำนวนผู้เข้าถึงระบบออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วกว่า 30 ล้านคนในปัจจุบัน  และส่งผลให้ธุรกิจ E-Commerce มีการแข่งขันกันสูงเพื่อแย่งชิงผู้บริโภคที่สามารถสั่งซื้อสินค้าหรือบริการได้ทุกที่ และทุกเวลา โดยสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิคส์ เปิดเผยว่า ในปี 2557 E-Commerce แบบ B2C ในประเทศไทยมีมูลค่าถึง 411,715 ล้านบาท และในปี 2558 ที่ผ่านมาประเมินว่ามีมูลค่าสูงขึ้นเป็น 474,648 ล้านบาท ซึ่งในปี 2559 น่าจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยความน่าสนใจในตลาดการค้าออนไลน์จึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับนักการตลาดที่ต้องศึกษาข้อมูลของกลุ่มผู้บริโภคออนไลน์เพิ่มเติม ซึ่งทีมงานได้นำข้อมูลที่น่าสนใจมาให้ได้อ่านกัน

91

ถึงแม้การค้าออนไลน์ในปัจจุบันจะมีมูลค่าสูงถึงกว่า 4 แสนล้านบาท แต่ก็ยังมีผู้บริโภคอีกจำนวนไม่น้อยที่ไม่เคยซื้อสินค้า/บริการออนไลน์มาก่อน ซึ่งจากข้อมูลของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิคส์ ได้มีการสำรวจผู้บริโภคจำนวน 10,434 ตัวอย่างทั่วประเทศในช่วงปี 2558 ที่ผ่านมาพบว่า มีจำนวน 64.9% ที่เคยซื้อสินค้า/บริการผ่านการค้าออนไลน์ แต่ยังคงมีถึง 35.1% ไม่เคยซื้อสินค้า/บริการออนไลน์ โดยให้เหตุผลว่า กลัวการถูกโกงมากถึง 57.6% มี 42.1% ตอบว่าไม่ได้ทดลองหรือทดสอบสินค้าก่อนซื้อ อีก 32.2% บอกว่าสินค้า/บริการบนออนไลน์ยังไม่ถูกใจ ส่วน 20.8% ชอบที่จะไปซื้อของเองตามแหล่งช้อปปิ้งมากกว่า ยังมี 18.2% ตอบว่าเพราะไม่ได้ติดต่อหรือซื้อกับผู้ค้าโดยตรง และเหตุผลอื่น ๆ อีก 4.5%

92

สำหรับกลุ่มที่เคยซื้อสินค้า/บริการออนไลน์นั้นชอบซื้อสินค้า/บริการอะไรกันบ้าง จากการตอบแบบสอบถามพบว่า สินค้า Fashion goods อาทิ เสื้อผ้า,รองเท้า,กระเป๋า,เครื่องประดับ มาเป็นอันดับแรกด้วยจำนวน 42.6% ตามมาด้วยสินค้าประเภท IT เช่น คอมพิวเตอร์,โทรศัพท์มือถือ,แทปเล็ต มีสัดส่วน 27.5% สินค้ากลุ่ม Healthy and beauty อาทิ เครื่องสำอางค์,ผลิตภัณฑ์บำรุงร่างกาย,อาหารเสริม มีการซื้ออยู่ที่ 24.4% กลุ่ม Tour/travel ประกอบด้วย การจองตั๋วเพื่อการท่องเที่ยวรถหรือเครื่องบิน, การจองรถเช่า ตามมาใกล้เคียงกันที่ 23.2% กลุ่ม Downloading service อาทิ ริงโทน, เพลง, ภาพยนตร์, เกมออนไลน์ มีสัดส่วนถึง 21% และอื่น ๆ เช่น การซื้ออาหาร, การซื้อหนังสือ, การจองคอร์สเพื่อเรียนต่าง ๆ , การจ่ายบิลค่าบริการต่าง ๆ  ซึ่งในกลุ่มนี้มีสัดส่วน 13%

ส่วนวิธีชำระค่าสินค้า/บริการออนไลน์นั้น จากการสำรวจพบว่ากลุ่มที่เคยซื้อสินค้า/บริการออนไลน์เลือกการทำธุรกรรมทางการเงินด้วยการโอนผ่านบัญชีธนาคาร 65.5% ผ่านระบบเอทีเอ็ม 31.2% และผ่านเครดิตการ์ด 26.4%

93

อย่างไรก็ตามถึงแม้ความนิยมในการซื้อขายสินค้า/บริการออนไลน์จะมีเพิ่มขึ้นก็ตาม แต่ก็ยังพบปัญหาอยู่บ้าง คือ ผู้ขาย/ให้บริการส่งสินค้าล่าช้า 58.7% สินค้าไม่เหมือนที่โฆษณาหรือที่เห็นในเวปไซต์ 29.9% และสินค้าเสียหาย 24% ซึ่งปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้อาจเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้การค้าออนไลน์ไม่เติบโตเท่าที่ควรจะเป็น

ข้อมูลครั้งนี้น่าจะช่วยให้นักการตลาดได้รับทราบถึงพฤติกรรมของผู้บริโภค และโอกาสในการขยายตลาดไปสู่ธุรกิจออนไลน์ รวมถึงปัญหาที่เกิดขึ้นเพื่อนำมาซึ่งการปรับปรุงเพื่อขยายตลาดสำหรับสินค้า/บริการทางออนไลน์ที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้นในทุก ๆ ปี