อินิชิเอทิฟ แต่งตั้ง ‘มาลี กิตติพงศ์ไพศาล’ ขึ้นแท่น ซีอีโอ คนใหม่

0
7808

ไอพีจีฯ เผยผลประกอบการยังดีท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ สามารถรักษาฐานลูกค้าเก่า และหาลูกค้าใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง เน้นกลยุทธ์การบริหารงานด้วยผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์ และการเทคโนโลยีใหม่ ๆ ล่าสุดเสริมทัพครั้งใหญ่ด้วยการดึงผู้บริหารฝีมือดีในวงการมีเดียเอเยนซี่มาร่วมงาน

c04_7845

นายธราภุช จารุวัฒนะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไอพีจี มีเดียแบรนด์ส ประเทศไทย กล่าวถึงผลประกอบการในปี 2559 ของ ไอพีจี มีเดียแบรนด์ส ซึ่งประกอบด้วยมีเดียเอเยนซี่ อินิชิเอทีฟ และ       ยูเอ็ม ตลอดจน เอ็นเซ็มเบิล ซึ่งดำเนินธุรกิจทางด้านบีโลว์เดอะไลน์ และการผลิตคอนเทนท์ รวมไปถึง ดอทดิจิตอล ที่ดำเนินธุรกิจทางด้านสื่อออนไลน์แบบครบวงจรว่า ถึงแม้สภาพตลาดโฆษณาในปี 2559 จะไม่ค่อยดีนัก แต่ภาพรวมของ ไอพีจี มีเดียแบรนด์ส ยังคงมีผลประกอบการที่ดี อีกทั้งยังสามารถรักษาฐานลูกค้าเดิม และหาลูกค้าใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงยังได้มีการผลิตคอนเทนท์ใหม่ ๆ เช่น รายการ ลาแบนด้า ไทยแลนด์ และการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานให้กับธุรกิจมีเดียเอเยนซี่ได้อย่างครบวงจรมากยิ่งขึ้น

“ในปี 2560 น่าจะเป็นปีที่อุตสาหกรรมธุรกิจมีเดียเอเยนซี่จะกลับมาคึกคักอีกครั้ง เนื่องจากนโยบายการส่งเสริมภาคธุรกิจต่าง ๆ ของรัฐบาลที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ซึ่งจะส่งผลต่อการใช้จ่ายของประชากรที่จะมีสภาพคล่องเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นเพื่อเป็นการรองรับการแข่งขันในอนาคตเราจึงต้องพยายามสร้างความเข้มแข็งให้กับธุรกิจของเราทั้งในด้านการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ และการสรรหาบุคลากรระดับผู้บริหารที่มีคุณภาพเข้ามาเสริมทัพ ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยผลักดันให้องค์กรมีความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น”

c04_7832

นางสาวมาลี กิตติพงศ์ไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อินิชิเอทีฟ ในเครือ ไอพีจี มีเดียแบรนด์ส ประเทศไทย กล่าวว่า การเข้ามารับตำแหน่งในครั้งนี้ถือเป็นความท้าทายอย่างยิ่งในการที่จะผลักดันองค์กรให้ก้าวต่อไปข้างหน้า โดยจะเน้นในการนำประสบการณ์ และทักษะที่ได้ร่วมงานกับบริษัทข้ามชาติหลายรายทั้งด้านการบริหารงาน และการวางกลยุทธ์ทางด้านมีเดียมาใช้อย่างเต็มที่ ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้อินิชิเอทีฟเติบโต และมีผลประกอบการที่ดียิ่งขึ้นในอนาคตอันใกล้

“จากประสบการณ์ที่มีในธุรกิจนี้ที่มีมายาวนานกว่า 20 ปี อีกทั้งจากการที่ได้พบปะกับลูกค้าที่หลากหลายมาโดยตลอด ทำให้เราเข้าใจถึงความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า และยังได้คิดกลยุทธ์ทางด้านมีเดียใหม่ ๆ ที่ช่วยทำให้ลูกค้าประสบผลสำเร็จมาโดยตลอด ซึ่งจะนำจุดเด่นนี้มาใช้กับ อินิชิเอทีฟ เพื่อสร้างผลประกอบการที่ดีให้กับลูกค้าทั้งที่มีอยู่ในปัจจุบัน และอนาคตให้มีฐานที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น” 

สำหรับนางสาวมาลี กิตติพงศ์ไพศาล จบการศึกษาเกียรตินิยมระดับปริญญาตรี และปริญญาโทจากคณะสื่อสารมวลชนมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เริ่มการทำงานในธุรกิจมีเดียเอเยนซี่ตั้งแต่ปี 1991 ที่โอกิลวี่ แล้วย้ายไปร่วมงานกับดีวายแอนด์อาร์ และลีโอเบอร์เน็ต จนกระทั่งในปี 1999 ได้เข้าทำงานกับ มายด์แชร์ ซึ่งจากประสบการณ์ และความสามารถในการดำเนินงานที่โดดเด่นทำให้ได้ดำรงตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปจนถึงปัจจุบัน       ก่อนตัดสินใจเข้ามารับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อินิชิเอทีฟ ประเทศไทยในเดือนธันวาคมปี 2016

c04_7827

นางวรรณี รัตนพล ประธานกรรมการบริหาร ไอพีจี มีเดียแบรนด์ส ประเทศไทย เปิดเผยถึงภาพรวมของอุตสาหกรรมสื่อโฆษณาในปี 2559 ว่า เนื่องด้วยสภาพเศรษฐกิจของไทยที่ยังไม่ฟื้นตัวดีนัก อันเนื่องมาจากในช่วงปลายปี 2558 ต่อเนื่องถึงต้นปีที่ผ่านมาเกิดภาวะฝนแล้ง ซึ่งทำให้รายได้ต่อครัวเรือนของประชากรลดลงส่งผลถึงการใช้จ่ายของคนไทยในภาพรวมน้อยลงจากเดิม อีกทั้งนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลยังไม่เข้าเป้าเท่าที่ควร และยังมีสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดในช่วงกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งต่างทำให้อุตสาหกรรมสื่อโฆษณาล่าสุดมีผลประกอบการที่ลดลงจนติดลบไปถึง 8 % เมื่อเทียบกับปี 2558 ที่ผ่านมา และคาดว่าเมื่อสิ้นสุดปี 2559 จะติดลบไปถึง 10%

“ในทุก ๆ ปีที่ผ่านมาภาพรวมรายได้ของอุตสาหกรรมสื่อโฆษณาจะมีผลเป็นบวกตามการเปลี่ยนแปลงของอัตราค่าโฆษณา แต่เนื่องจากเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในปีนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมาส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมสื่อโฆษณาโดยตรง จนทำให้อุตสาหกรรมสื่อโฆษณาติดลบมากกว่าที่ได้เคยประเมินไว้แต่แรก อย่างไรก็ตามเชื่อว่าในปี 2560 จากนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่เริ่มวางรากฐานไว้ และการส่งเสริมภาคธุรกิจต่าง ๆ น่าจะทำให้ภาพรวมของอุตสาหกรรมสื่อโฆษณากลับมาเติบโตได้อีกครั้ง”

ประธานกรรมการบริหารกล่าวถึงภาพรวมของการแข่งขันในธุรกิจมีเดียเอเยนซี่ว่า ที่ผ่านมามีเดีย      เอเยนซี่มีการแข่งขันกันมากยิ่งขึ้น ทั้งในด้านการวางกลยุทธ์ การวางแผนงานโฆษณา รวมไปถึงการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ  เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และมีประสิทธิภาพให้คุ้มค่าเม็ดเงินของลูกค้ามากที่สุด เพราะในปัจจุบันมีสื่อให้เลือกมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของดิจิตอลทีวี และอินเตอร์เนต สำหรับในส่วนของ  ไอพีจีมีเดียแบรนด์ส     นอกจากจะมีการเพิ่มทักษะให้กับพนักงาน

และการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ แล้วยังได้มีการเสริมความแข็งแกร่งให้กับองค์กรมากยิ่งขึ้นด้วยการแต่งตั้ง และเสริมทัพทีมผู้บริหารระดับสูงซึ่งพิจารณาจากผู้ที่มีวิสัยทัศน์ มีประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญทางด้านการวางแผนกลยุทธ์ และการทำงานทางด้านมีเดียที่หลากหลายเข้ามาร่วมงานอย่างต่อเนื่อง

“ในปีนี้นอกจากจะได้มีการแต่งตั้งนายธราภุช จารุวัฒนะ ขึ้นมาเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไอพีจี มีเดียแบรนด์ส ประเทศไทย แล้ว ล่าสุดเรายังได้เสริมทัพด้วยการนำนางสาวมาลี กิตติพงศ์ไพศาล เข้ามาดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อินิชิเอทีฟ ประเทศไทย ซึ่งจากทั้งวิสัยทัศน์ในการบริหารงาน ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญทางด้านมีเดียที่ยาวนานจนเป็นที่ยอมรับในวงการจะช่วยให้ ไอพีจี มีเดียแบรนด์ส มีประสิทธิภาพ และมีความแข็งแกร่งในธุรกิจมีเดียเอเยนซี่มากยิ่งขึ้น”

สัมภาษณ์พิเศษคุณมาลี กิตติพงศ์ไพศาล

ขอแสดงความยินดีกับการได้รับการแต่งตั้งเป็น CEO คนใหม่ของ อินิชิเอทีฟ ประเทศไทย
อยากทราบถึงความรู้สึกครั้งแรกเมื่อคุณวรรณี และผู้บริหารของเราได้ทาบทามให้มารับตำแหน่งนี้

รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมาก ซึ่งจริง ๆ แล้วได้รับการทาบทามครั้งแรกจากคุณธราภุช และคุณนพคุณ ที่ได้รู้จักกันมานานแล้ว จากการที่ได้ทำงานร่วมกันในสมาคมมีเดียเอเยนซี่ และธุรกิจสื่อแห่งประเทศไทย (MAAT)  ซึ่งคุณธราภุชได้มาบอกว่า “คุณวรรณีให้มาทาบทาม” แค่คำ ๆ นี้ก็เพียงพอที่จะโน้มน้าวใจได้แล้ว เพราะถึงแม้ว่าเราจะเป็นคู่แข่งขันกันมานานหลายปี แต่คนทั้งคู่ (คุณธราภุช และคุณนพคุณ) ก็แสดงออกถึงความเป็นมิตร ซึ่งสะท้อนมาจากการใช้ชีวิตระหว่างการทำงานอย่างมีความสุข และสำหรับคุณวรรณี ก็เป็นคนที่ดิฉันชื่นชม และถือเป็นแบบอย่างในการทำงาน ดังนั้นการให้โอกาสในการทำงานกับคุณวรรณีจึงถือว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่ง แม้ว่าดิฉันจะทำงานในวงการมีเดียเอเยนซี่มานาน แต่ก็ยังอยากที่จะเรียนรู้อีกมากจากคุณวรรณี ซึ่งเป็นคนที่ทำอะไรหลาย ๆ อย่างให้กับวงการนี้

ทำงานกับ มายด์แชร์/กรุ๊ปเอ็ม มากว่า 16 ปี รู้สึกลำบากใจแค่ไหนกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญอย่างนี้

ไม่ยากเลยค่ะ ดิฉันทำงานมานาน และก็รู้สึกว่าชีวิตมันต้องมีการเปลี่ยนแปลง ดิฉันไม่อยากจะอยู่ที่เดิม ๆ แล้วใช้เวลาไปจนเกษียณจากการทำงาน แต่ถ้าอยู่ในเวลาทำงานดิฉันก็ทำเต็มที่เพราะกระหายที่จะทำงาน ซึ่งกว่า 10 ปีที่ทำงานมาในมายด์แชร์ดิฉันได้มีส่วนร่วม และเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ อย่างในองค์กร มีความท้าทายใหม่ ๆ เกิดขึ้นในทุก ๆ ปี

การย้ายงานครั้งนี้นับว่าเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ และไม่เคยเกิดขึ้นกับวงการนี้มาก่อน อะไรคือเหตุผลในการย้ายมาร่วมงานกับเรา

เหตุผลหลัก ๆ ก็มาจากคุณวรรณี แล้วก็จากทั้งสองท่านอย่างที่บอกไป เพราะเราเคยร่วมงานกันมาจากการทำงานที่สมาคมมีเดีย แค่มองตาก็รู้ใจแล้วว่าสิ่งที่คาดหวังจากเราคืออะไร แล้วเมื่อโอกาสมาถึงก็ยากที่จะปฏิเสธ

แล้วคุณเองก็คล้าย ๆ กับคุณวรรณีที่ได้รับการยอมรับว่า เป็นต้นแบบในธุรกิจนี้ คุณมีความรู้สึกอย่างไรที่ได้มาร่วมงานกับคุณวรรณีของ และคุณธราภุช ซึ่งเป็นผู้บริหารคนใหม่ของเรา

มันเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นอย่างยิ่ง ไม่มีใครแก่เกินเรียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการได้นั่งทำงานและเรียนรู้ร่วมกับบุคคลสำคัญอย่างคุณวรรณีผู้ซึ่งเข้ามามีส่วนร่วม และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ได้เสมออย่างไม่มีวันหมด และเมื่อเธอบอกว่าจะทำอะไร เธอก็เดินหน้าที่จะทำต่ออย่างไม่ท้อ นี่คือ เหตุผลหลักที่ทำให้เข้ามาร่วมงานที่นี่

สำหรับคุณธราภุช เราได้เคยทำงานร่วมกันมาก่อนที่มายด์แชร์ ซึ่งการได้ทำงานกับคนที่มีความคิดคล้าย ๆ กันจะทำให้คุณมีความสุข และสนุกในงานที่จะทำ

initiative_rgb_blue

Initiative

แล้วทำไมถึงต้องเป็น Initiative

Initiative เป็นบริษัทที่แข็งแกร่งซึ่งดิฉันรู้จักมาตั้งแต่สมัยเรียน ในยุครุ่งเรืองของ Lintas เป็นหนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ใคร ๆ ก็ปรารถนาที่จะได้ร่วมงานเมื่อจบ แต่ดิฉันอยากทำงานที่โอกิลวี่ และก็ได้ทำที่นั่น แล้วก็ย้ายไปสตาร์คอมก่อนที่จะมาร่วมงานกับมายด์แชร์ ซึ่งบอกได้เลยว่า ถ้าได้มาทำงานที่นี่มันจะช่วยเติมเต็มความใฝ่ฝันตั้งแต่สมัยเรียน และเมื่อโอกาสนั้นมาถึงก็ยากที่จะปฏิเสธ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณรู้ว่าคุณจะได้ร่วมงานกับผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ

การเป็นอันดับ 2 หรือ 3 ในอุตสาหกรรมถือเป็นความได้เปรียบ ดิฉันเชื่อว่า จะทำให้คุณทำงานได้อย่างสร้างสรรค์มากขึ้น แล้วมันก็ยังมีช่องว่างอีกมากให้คุณได้มาคิดวิเคราะห์ว่าคุณควรจะต้องทำอย่างไรให้ดีกว่ารายอื่น ๆ ที่อยู่เหนือคุณ แล้วก้าวเดินต่อไปข้างหน้าโดยไม่กดดันตัวเอง

คุณคิดอย่างไรกับ Initiative ที่ซึ่งเคยเป็นคู่แข่งของคุณหลาย ๆ ครั้งที่ผ่านมา ก่อนที่คุณจะก้าวมาสู่ที่นี่

Initiative เป็นบริษัทที่มีพื้นฐานที่ดีมาก ได้รับการยอมรับทั้งจากในอุตสาหกรรมสื่อโฆษณา จากลูกค้า ผู้ประกอบการสื่อ รวมไปถึงคู่แข่งด้วยเช่นกัน แล้วเมื่อบริษัทใหญ่ ๆ หรือลูกค้ารายใหญ่ ๆ เจอกับอุปสรรค ซึ่งมันก็เป็นไปตามวัฏจักรของทุก ๆ ธุรกิจ แต่ถ้าคุณได้เข้าร่วมกับบริษัทที่มีมาตรฐานที่ดี และมีรากฐานที่แข็งแกร่งก็ง่ายที่จะฝ่าฝันอุปสรรคมากกว่ารายที่มีรากฐานไม่แข็งแกร่งอยู่แล้ว ซึ่ง Initiative มีรากฐานที่ดี และแข็งแกร่ง นั่นคือ อีกเหตุผลที่เลือกมาร่วมงานที่นี่

บริษัทได้ผ่านความท้าทายหลายประการในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา และด้วยตำแหน่งของคุณ อะไรคือสิ่งที่คุณคิดว่าจะสร้างความสำเร็จให้ที่นี่ได้

ในช่วง 3 เดือนแรกคงต้องทำความรู้จักในหลายสิ่งหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นพนักงาน วัฒนธรรมขององค์กร ลูกค้าที่มีอยู่ และต้องเรียนรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่จำเป็นจะต้องเปลี่ยน อะไรคือจุดแข็งที่เรามี ซึ่งเราก็ต้องสานต่อ ส่วนอะไรก็ตามที่เป็นปัญหาหรืออุปสรรคก็ต้องรีบแก้ไข ซึ่งสิ่งแรกที่จะทำก็คือ การทำเวิร์คช้อปในทุก ๆ ส่วน เพื่อที่จะแก้ไขสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้น ซึ่งจะทำให้เราสามารถก้าวต่อไปข้างหน้า  

ส่วนในระยะยาว ดิฉันเชื่อว่าเราต้องสร้างทั้งความพึงพอใจของลูกค้า และความสุขของพนักงานให้ดีที่สุด ซึ่งทั้งคู่สำคัญเท่าเทียมกัน มันก็เหมือนกับไก่กับไข่เมื่อพนักงานมีความสุขก็จะทำให้ลูกค้ามีความสุขไปด้วย และเราทำงานด้านบริการในอุตสาหกรรมที่ต้องใช้ความชาญฉลาดเป็นสำคัญ ดังนั้นการมีความสมดุลของทั้ง IQ และ EQ จะช่วยให้งานออกไปดี และถูกใจลูกค้า

และอีกสิ่งก็คือ เราต้องพยายามสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มผู้ประกอบการสื่อต่าง ๆ ถึงแม้ว่าในปัจจุบันหลาย ๆ อย่างได้ปลี่ยนไปสู่ดิจิตอลแล้วก็ตาม ซึ่งเราจะต้องทำตัวเป็นผู้แนะนำให้กับผู้ประกอบการสื่อต่าง ๆ ให้มีการปรับเปลี่ยนไปตามกระแสการเปลี่ยนแปลงของสื่อ เพราะถ้าพวกเขาโต เราก็โตไปด้วยกัน

อะไรคือจุดแข็งที่คุณจะนำมาสู่ Initiative

จุดแข็งที่สุดก็คือ ประสบการณ์ที่มีในธุรกิจนี้ที่มีมายาวนาน อีกทั้งการได้พบปะกับลูกค้าที่หลากหลาย ทั้งสองสิ่งทำให้เราได้รู้ว่า   แท้จริงแล้วสื่งที่ลูกค้าต้องการคืออะไร ซึ่งบางครั้งเราไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่การให้บริการลูกค้าในสิ่งที่ลูกค้าต้องการเท่านั้น แต่จะทำอย่างไรให้แบรนด์ของลูกค้าเติบโต และนั่นทำให้เราได้ธุรกิจใหม่ ๆ ด้วยเช่นกัน 

เพราะลูกค้าของเราคือ สิ่งที่สำคัญที่สุด ดังนั้นเราต้องพยายามทำความเข้าใจว่าอะไรคือสิ่งสำคัญที่ลูกค้าต้องการ แล้วเราก็ต้องตอบสนองในสิ่งนั้น ๆ

อีกประการก็คือ ดิฉันยินดี และเต็มใจอย่างยิ่งที่ทุกคนจะเข้ามาพูดคุย ดิฉันพร้อมเปิดใจรับฟังไอเดียใหม่ ๆ และความคิดใหม่ ๆ จากทุกคนไม่ว่าคุณจะอยู่ในระดับไหนก็ตาม เพราะดิฉันมาที่นี่เพื่อที่จะนำ และสร้างความสำเร็จให้กับบริษัท 

Mat Baxter, Initiative Global CEO, ซึ่งได้พูดคุยกับคุณก่อนหน้าที่จะย้ายมาครั้งนี้ ได้พูดย้ำถึงวัฒนธรรมขององค์กร และความผูกพันระหว่างองค์กรกับแบรนด์ รวมไปถึงความสำคัญของสามัคคี และความสำเร็จต่าง ๆ ที่มีมา อะไรคือสิ่งที่คุณจะนำมาใช้ในองค์กรแห่งนี้

มันเป็นแนวความคิดที่น่าสนใจอย่างมาก Initiative มีเอกลักษณ์ที่เป็นของตัวเอง สิ่งสำคัญที่จะต้องปฏิบัติก็คือ ค่านิยม 4 ประการ (Fearless, Brilliant, Dynamic & Seamless) ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับการตีความ และเราจะนำไปปฏิบัติอย่างไรในวิถีทางของเรา เพราะบางอย่างก็ไม่ได้เหมาะกับเราไปซะทั้งหมด

ดิฉันพร้อมที่จะทำงานในทุก ๆ เรื่องที่สำคัญ ๆ อย่างเต็มที่ และเต็มความสามารถ แล้วพร้อมที่จะช่วยเหลือ และทำงานร่วมกันกับทุก ๆ คน เพราะนี่คือ จิตสำนึกในความเป็นเจ้าของที่ทุกคนมี

messageimage_1481176012256