โลกแห่งการเปลี่ยนแปลงที่เข้าสู่ยุคดิจิตอลเทคโนโลยี ที่ช่วยให้เราเข้าถึงข้อมูลจำนวนมหาศาลได้ตลอดเวลา ทำให้เราคุยกับคนที่อยู่ห่างไกลได้ง่ายขึ้น และเปิดโอกาสให้ธุรกิจต่างๆ ได้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้เร็วมากขึ้น ง่ายมากขึ้น และการเปลี่ยนแปลงที่เข้าสู่ยุคดิจิตอล มีผลกระทบกับธุรกิจในทุกประเภทอีกเช่นกัน ที่ต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ในปัจจุบัน ไม่เว้นแม้กระทั่งธุรกิจทางด้าน Activation หรืออีเว้นท์ที่ต้องปรับตัวตามเช่นกัน
ก่อนอื่นเรามาดูภาพรวมของอีเว้นท์ปัจจุบันก่อนว่าเป็นอย่างไรบ้าง จากเมื่อก่อนอีเว้นท์ของแต่ละสินค้าจะจัดกันแบบยิ่งใหญ่อลังการให้สมกับหน้าตาของสินค้า เพราะถือว่าเป็นการสร้างการภาพลักษณ์ที่ดีให้กับสินค้า แถมยังสร้างการจดจำได้ดีอีกด้วย แต่ยุคปัจจุบันภาพรวมจะเป็นอีเว้นท์ที่ไม่ใหญ่มาก แต่จะเพิ่มการรับรู้ไปสู่โลกออนไลน์อีกด้วย
แล้วโลกยุคดิจิตอล ธุรกิจทางด้านอีเว้นท์ต้องทำอย่างไรละ? เพื่อให้ธุรกิจด้านนี้ไม่ใช่เพียงแค่อยู่ได้ แต่ต้องอยู่ให้เป็น
1.ปรับขนาดของอีเว้นท์ให้เป็นขนาดกลางหรือเล็กลง แต่กระจายให้กว้างขึ้นสู่ออนไลน์ ด้วยการเพิ่มการ LIVE สด หรือสร้างคอนเท้นท์ผ่านช่องทางของ Key Opinion Leader หรือ KOL ที่ตอนนี้มีอยู่มากมายในบ้านเรา หรือแม้กระทั่งการนำภาพจากอีเว้นท์มาทำเป็นวีดีโอเพื่อเอาไปกระจายต่อในโลกออนไลน์ต่อไป แต่ก็มีข้อควรระวังอีกเช่นกัน คือเพลงที่ใช้เปิดในงานอีเว้นท์ต้องเป็นเพลงที่ไม่ติดลิขสิทธิ์ และดาราหรือเซเลปที่เชิญมาในงานต้องคุยให้ครอบคลุมว่าจะเอาภาพไปใช้ต่อในออนไลน์ด้วย
2.จัดอีเว้นท์โรดโชว์ (การทำอีเว้นท์ซ้ำแบบเดียวกัน แต่ไม่ซ้ำที่) เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น เพราะปัจจุบัน ยังคงมีคนอีกมากที่ยังไม่ได้เข้าถึงดิจิตอลเทคโนโลยี เช่นกลุ่มคนต่างจังหวัดในอำเภอรอบนอก หรือกลุ่มคนวัยกลางคนและคนสูงอายุที่ใช้เทคโนโลยีไม่เป็นเพราะอุปกรณ์ต่างๆมีความซับซ้อน รวมถึงสัญญาณการสื่อสารที่ไม่ดีเท่าในตัวเมืองใหญ่ๆ อีกด้วย
3.ปรับการทำอีเว้นท์ให้เป็นกิจกรรมทางออนไลน์ หรือ Online Activity นี่ก็เป็นอีกหนึ่งหนทางที่สามารถสร้างทั้งการรู้จัก การรับรู้ การมีส่วนร่วม ให้กับสินค้าได้และยังเข้าถึงเร็วอีกด้วย แต่ก็มีข้อเสียอีกเช่นกันเพราะตอนนี้กิจกรรมออนไลน์ผุดขึ้นมามากมาย เรียกได้ว่าใครดีใครเด่นคนนั้นได้ และการจดจำต่อสินค้ายังมีน้อยอีกด้วย จนทุกวันนี้จึงทำให้คนคิดกิจกรรมต้องปวดหัวไปตามๆกัน
4.ใช้อีเว้นท์ร่วมกับการใช้สื่ออื่นๆ เพื่อให้งานบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ในรูปแบบของการตลาดเชิงกิจกรรมแบบ Integrated Marketing Communication หรือ IMC Plan หรือใช้การโฆษณาร่วมกับการทำตลาดแบบถึงตัวลูกค้า ทำให้สินค้าเข้าถึงผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้น เพราะอีเว้นท์สามารถสื่อความเป็นตัวตนของสินค้าพร้อมทั้งให้ข้อมูลของสินค้าที่การโฆษณาไม่สามารถให้ได้ เช่นการทดลองสินค้า การชิม การสัมผัส การมีประสบการร่วมกัน เป็นต้น
และต่อไปในวันข้างหน้าดิจิตอลเทคโนโลยีคงจะก้าวต่อไปอย่างไร้ขีดจำกัด การตลาดของสินค้าแต่ละตัวคงต้องปรับตัวกันให้ทันกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น เพื่อให้ใช้ประโยชน์ได้มากที่สุด สุดท้ายแล้วโลกของยุคดิจิตอลมีทั้งคุณและโทษ เราต้อง
“ใช้ให้เป็น” “ตามให้ทัน” “แล้วจะอยู่รอด”
สรอรรถ ปวนกัน (เชน)
Associate Director
ENSEMBLE, IPG Mediabrands